Site icon เซฟตี้พีพีอี กฎหมายความปลอดภัย

กฎหมายกลิ่นใหม่ 2568: สิทธิคนข้างโรงงาน-วิธีรับมือกลิ่นเหม็นที่ผู้ประกอบการต้องทำ!

กฎหมายกลิ่นใหม่ 2568: สิทธิคนข้างโรงงาน-วิธีรับมือกลิ่นเหม็นที่ผู้ประกอบการต้องทำ!

กฎหมายกลิ่น 2568 หรือชื่อทางการคือ กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานกลิ่นในอากาศจากโรงงาน พ.ศ. 2568 ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ถือเป็นการ “ยกเครื่อง” กฎหมายควบคุมกลิ่นครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปีของประเทศไทยเลยทีเดียว

ทำไมคนไทยที่อยู่ใกล้โรงงาน ยาง, ฟาร์มปศุสัตว์, หรือโรงงานอาหารสัตว์ ถึงต้องสนใจเรื่องนี้? เพราะจากนี้ไปเรื่องกลิ่นเหม็นจะไม่ได้เป็นแค่ความรู้สึกว่า “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!” อีกต่อไป แต่จะมีตัวเลข มีค่ามาตรฐานชัดเจน วัดได้ และเอาไปบังคับใช้กับโรงงานได้จริงจังขึ้นมาก

บทความนี้จะมาเล่าแบบเข้าใจง่ายสุด ๆ ว่ากฎหมายนี้คืออะไร มีอะไรใหม่บ้าง คนที่เจอแจ็กพอตอยู่ใกล้โรงงานมีสิทธิ์เรียกร้องอะไรได้บ้าง และที่สำคัญคือผู้ประกอบการที่ยังชะล่าใจต้องรีบเตรียมตัวยังไงให้ไม่โดนทั้งปรับและโดนดราม่าจากชุมชนข้างเคียง

กฎหมายกลิ่น 2568: สรุปง่าย ๆ ว่าคืออะไร และทำไมต้องมีฉบับใหม่?

ก่อนหน้าปี 2568 ประเทศไทยเราก็มีกฎหมายควบคุมกลิ่นจากโรงงานอยู่แล้ว (ฉบับปี 2548) แต่ปัญหาคือเกณฑ์เดิมไม่ชัดเจนมากพอ ทำให้การตรวจสอบและบังคับใช้ยากมาก โรงงานก็อ้างไปเรื่อย ชุมชนก็ร้องเรียนไม่จบสิ้น

กฎหมายกลิ่น 2568 (ก.ม.กลิ่นฉบับใหม่) ที่ออกมาตามกฎหมายโรงงานและกฎหมายสิ่งแวดล้อม จึงถือเป็นความพยายามของภาครัฐที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้เด็ดขาดขึ้น

สาระสำคัญที่ “อัปเกรด” ขึ้นมาก

  1. เปลี่ยนฉบับใหม่ทั้งหมด: ยกเลิกกฎกระทรวงเดิมปี 2548 ทิ้งไปเลย แล้วใช้ฉบับปี 2568 แทน

  2. นิยามชัดเจนขึ้น: กำหนดนิยามคำว่า “กลิ่น” และ “ค่าความเข้มกลิ่น” (Odor Concentration) ชัดเจนขึ้นมาก ค่าความเข้มกลิ่นนี่แหละคือหัวใจสำคัญ เพราะมันคือระดับที่บอกว่าต้องเจือจางกลิ่นนั้นกี่เท่ากว่าที่คนจะไม่ได้กลิ่น ซึ่งค่านี้สามารถวัดด้วยเครื่องมือวิเคราะห์และนำไปเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานได้จริง (อ้างอิงจาก DIW Website)

  3. มาตรฐานเฉพาะเจาะจง: กำหนดค่ามาตรฐานกลิ่นในอากาศจากโรงงาน 24 ประเภท ที่มีความเสี่ยงสูงในการปล่อยกลิ่นเหม็น (เช่น โรงงานผลิตยาง, โรงงานอาหารสัตว์, โรงงานบำบัดน้ำเสียรวม, โรงงานแปรรูปอาหารบางประเภท, หรือโรงงานที่มีกระบวนการหมัก/ต้ม/เผาที่ก่อกลิ่น)

  4. แยกโซนชัดเจน: มีการแยกเกณฑ์มาตรฐานสำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่ใน เขตอุตสาหกรรม (ค่าเข้มข้นกลิ่นอาจสูงได้ระดับหนึ่ง) และโรงงานที่ตั้งอยู่ นอกเขตอุตสาหกรรม (ค่าเข้มข้นกลิ่นต้องต่ำกว่ามาก) เพื่อปกป้องคนในชุมชนที่อยู่รอบนอก

พูดง่าย ๆ คือ: ถ้าโรงงานของคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยง 24 ประเภทนี้ คุณจะต้องทำกลิ่นที่ออกมา ทั้งที่ปล่องระบายอากาศ (แหล่งกำเนิด) และที่บริเวณริมรั้วโรงงาน (บริเวณชุมชนรับผลกระทบ) ให้อยู่ในค่าที่กฎหมายกำหนด ถ้าทำไม่ได้ก็ถือว่าผิด!

เมื่อเจอกลิ่นเหม็นรบกวน: สิทธิของคุณและวิธีร้องเรียนที่ถูกต้อง

คนไทยจำนวนมากโดยเฉพาะในพื้นที่ Names of Personal Location หรือ Specific ที่มักจะอยู่ติดกับโรงงานหรือฟาร์ม อาจเจอ “มลพิษทางกลิ่น” อยู่ทุกวัน ตอนนี้คุณมีอาวุธทางกฎหมายเพิ่มขึ้นแล้ว

1. ใช้ “กฎหมายกลิ่น 2568” สำหรับโรงงาน 24 ประเภท

ถ้ามั่นใจว่ากลิ่นมาจากโรงงานที่เข้าข่าย 24 ประเภทตามกฎกระทรวงนี้ สามารถแจ้งหน่วยงานที่ดูแลโดยตรงได้เลย ซึ่งหลัก ๆ คือ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (DIW) หรือ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด

2. ใช้ “เหตุรำคาญ” ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข 2535

กฎหมายกลิ่น 2568 นั้นครอบคลุมแค่ “โรงงาน” แต่ถ้ากลิ่นมาจากแหล่งอื่น เช่น ร้านอาหาร, ตลาดสด, ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ไม่ใช่โรงงาน หรือ กิจการขนาดเล็กอื่น ๆ กลิ่นเหม็นยังถือเป็น “เหตุรำคาญ” ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุขอยู่

3. ฟ้องร้องส่วนตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ถ้าเจรจาหรือร้องเรียนทางปกครองแล้วไม่เป็นผล คุณสามารถใช้มาตรา 1337 ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายหรือให้ศาลสั่งให้กิจการนั้นหยุดการกระทำที่ “รบกวนเกินสมควร” ได้ ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับเคสที่ซีเรียสและยืดเยื้อ (แน่นอนว่าต้องปรึกษาทนายความประกอบ)

สำหรับผู้ประกอบการ: ถ้าไม่อยากเป็นดราม่าต้องทำยังไง?

สำหรับเจ้าของโรงงานที่อยู่ใน 24 ประเภทเสี่ยง (เช่น โรงงานแปรรูป Name หรือโรงงานยางในจังหวัด Names of Personal Location) การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการรอแก้ไขตอนโดนร้องเรียนและโดนปรับ ซึ่งมักจะหนักกว่ามาก

สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำอย่างเร่งด่วน

การทำตามกฎหมายกลิ่น 2568 ไม่ใช่แค่การหนีโทษปรับ แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบตามหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) ที่จะช่วยเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทในระยะยาวได้

FAQ – คำถามที่เจอบ่อยเรื่องกฎหมายกลิ่น 2568

Q1: ถ้ากลิ่นเหม็นมาจากฟาร์มหมู หรือฟาร์มไก่ ที่ไม่ใช่โรงงานอุตสาหกรรม กฎหมายกลิ่น 2568 ใช้ได้ไหม?

A: กฎหมายกลิ่น 2568 จะเน้นควบคุม “โรงงาน” ใน 24 ประเภทเท่านั้นครับ แต่กรณีของฟาร์มปศุสัตว์ หรือกิจการที่ไม่ใช่โรงงานโดยตรง คุณยังสามารถใช้ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ในการแจ้งว่าเป็น “เหตุรำคาญ” เพื่อร้องเรียนไปยัง เทศบาล, อบต., หรือสำนักงานเขต ได้เหมือนเดิม ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของฟาร์มแก้ไข ปรับปรุง หรือแม้กระทั่งสั่งปิดได้ครับ

Q2: ค่าความเข้มกลิ่นที่ว่ามีหน่วยวัดเป็นอะไร แล้วค่ามาตรฐานที่ริมรั้วโรงงานต้องไม่เกินเท่าไหร่?

A: ค่าความเข้มกลิ่นมีหน่วยวัดเป็น OU/m (Odor Unit per cubic meter) ซึ่งหมายถึงจำนวนเท่าที่ต้องเจือจางอากาศตัวอย่างจนคนส่วนใหญ่แทบไม่ได้กลิ่น (DIW Website)

สำหรับค่ามาตรฐานที่ต้องคุมไม่ให้เกิน บริเวณริมรั้วโรงงาน จะอยู่ที่:

นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์ควบคุมกลิ่นที่ ปล่องระบายอากาศ (แหล่งกำเนิด) อีกด้วย ซึ่งค่ามาตรฐานจะสูงกว่านี้ โดยขึ้นอยู่กับประเภทโรงงานและอัตราการระบายอากาศที่ปล่องนั้น ๆ ครับ

Q3: ถ้าโดนกลิ่นรบกวนมานานแล้ว แล้วโรงงานก็ยังไม่ยอมแก้ไขตามคำสั่ง ควรทำยังไงต่อดี?

A: หากมีการร้องเรียนและเจ้าหน้าที่ออกคำสั่งทางปกครอง (ตามกฎหมายกลิ่น 2568 หรือ พ.ร.บ.สาธารณสุข) ให้โรงงานแก้ไขแล้ว แต่โรงงานยังเพิกเฉย ไม่ยอมทำตามคำสั่งภายในระยะเวลาที่กำหนด โรงงานจะถือว่ามีความผิดทางกฎหมายและอาจโดนโทษปรับหรือถูกดำเนินคดีได้ครับ

ทางออกที่คุณควรทำต่อคือ:

  1. ติดตามเรื่องกับหน่วยงานเดิมอย่างใกล้ชิด และย้ำเตือนว่าโรงงานยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง

  2. แจ้งหน่วยงานระดับสูงขึ้นไป เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ สื่อมวลชน เพื่อกดดันให้มีการดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด

  3. รวบรวมหลักฐานและปรึกษาทนายความ เพื่อพิจารณาดำเนินการฟ้องร้องทางศาลตาม มาตรา 1337 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายและขอให้ศาลสั่งยุติการรบกวนครับ

Exit mobile version